จังหวัดอุตรดิตถ์มีเนื้อที่ ทั้งหมด 4,899,120 ไร่ จากการสำรวจดินของกองสำรวจและจำแนกดิน กรมพัฒนาที่ดินสามารถจำแนกลักษณะดินที่พบในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ตามลักษณะธรณีสัณฐาน และวัตถุต้นกำเนิดดิน ดังนี้ 1. บริเวณที่ราบน้ำท่วมถึง (flood plain) มีเนื้อที่ประมาณ 36,591 ไร่
หรือร้อยละ 0.75 เป็นที่ราบบริเวณสองฝั่งแม่น้ำน่านและลำน้ำสาขา ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมทุกปีในฤดูฝน สภาพพื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ ความราดชัน
0-2 % ลักษณะดินเกิดจากการทับถมของตะกอนลำน้ำทุก
ๆ ปี เป็นดินลึก เนื้อดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย
ดินร่วนถึงดินเหนียวและมีการทับถมของตะกอนลำน้ำในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ดินมีการระบายน้ำดีถึงเลว มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลาง ใช้ประโยชน์ที่ดินในการทำนา ปลูกพืชไร่
และพืชผัก ได้แก่ กลุ่มชุดดินที่ 21,38 และ 59 2. บริเวณสันดินริมน้ำเก่า (old levee) มีเนื้อที่ประมาณ 173,816 ไร่
หรือร้อยละ 3.55 เป็นบริเวณที่ถัดจากที่ราบน้ำท่วมถึง เกิดจากการทับถมของตะกอนลำน้ำเกิดเป็นสันดินริมฝั่งแม่น้ำ
สภาพพื้นที่ราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย ความลาดชัน
0 - 5 % เนื้อดินเป็นพวกดินร่วน ดินร่วนปนทรายแป้งถึงดินเหนียว เป็นดินลึกมาก
การระบายน้ำดีถึงดีปานกลาง
ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติปานกลาง
มีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการปลูกพืชไร่ พืชผัก
และไม้ผล ได้แก่ กลุ่มชุดดินที่ 33
และ 60 3. บริเวณตะพักลำน้ำค่อนข้างใหม่ (semi-recent
terrace)
มีเนื้อที่ประมาณ 501,711 ไร่ หรือร้อยละ
10.24
เป็นบริเวณที่ถัดจากที่ราบน้ำท่วมถึงและสันดินริมน้ำเก่า เกิดจากการทับถมของตะกอนลำน้ำที่มีอายุค่อนข้างใหม่ สภาพพื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ ความลาดชัน
0-2 % ลักษณะดินเป็นดินลึกมาก เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทรายแป้ง ดินร่วนเหนียวปนทรายแป้งถึงดินเหนียว มีการระบายน้ำเลว ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำถึงปานกลาง มีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการทำนา บางแห่งที่มีแหล่งน้ำสามารถปลูกพืชไร่ และพืชผักในฤดูแล้ง ได้แก่
กลุ่มชุดดินที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 15 4. บริเวณตะพักลำน้ำเก่า (old
alluvium terrace) มีเนื้อที่ประมาณ 682,346 ไร่
หรือร้อยละ 13.92 แบ่งเป็น
2 ลักษณะ คือ 4.1 บริเวณตะพักลำน้ำระดับต่ำ (low terrace) มีเนื้อที่ 194,228 ไร่
หรือร้อยละ 3.96
เกิดจากการทับถมของตะกอนลำน้ำเก่าบนตะพักลำน้ำระดับต่ำ สภาพพื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบ ความลาดชัน
0-2 %
ลักษณะดินส่วนใหญ่เป็นดินลึกมาก
มีบางแห่งที่เป็นดินตื้นปนกรวด
หรือลูกรัง
เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย
ดินร่วน ถึงดินร่วนเหนียวปนทราย
มีการระบายน้ำค่อยข้างเลวความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ มีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการทำนา ได้แก่กลุ่มชุดดินที่ 16, 17, 18, 22, 24
และ 25 4.2 บริเวณตะพักลำน้ำเก่าระดับกลางถึงสูง (middle
to high terrace) มีเนื้อที่
488,118
ไร่ หรือร้อยละ 9.96
เกิดจากการทับถมของตะกอนลำน้ำเก่าบนตะพักลำน้ำระดับกลางถึงสูง
สภาพพื้นที่เป็นแบบค่อนข้างราบเรียบถึงลูกคลื่นลอนชัน ความลาดชัน
2-20 % ลักษณะดินเป็นดินตื้นถึงลึกมาก เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วน
ถึงดินเหนียวปนทราย มีการระบายน้ำดี ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ มีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการปลูกพืชไร่ และไม้ผลต่าง ๆ บางแห่งยังคงสภาพเป็นป่าเต็งรัง ได้แก่
กลุ่มชุดดินที่ 35, 40, 41, 44, 48 และ 49 5. บริเวณพื้นผิวที่เหลือค้างจากการกร่อน และที่ลาดเชิงเขา (erosion
surface and footslope) มีเนื้อที่
589,742
ไร่ หรือร้อยละ 12.04
เป็นบริเวณที่เกิดจากการผุพังสลายตัวอยู่กับที่หรือ เคลื่อนที่ไปเล็กน้อยตามแรงโน้มถ่วงของโลกของวัตถุต้นกำเนิดดินได้แก่ หินดินดาน
หินทราย หินควอทไซท์ หินฟิลไลท์
และหินแอนดีไซท์ เป็นต้น
สภาพพื้นที่เป็นแบบลูกคลื่นลอนลาดถึงเนินเขา ความลาดชัน
5-35 % ลักษณะดินและความอุดมสมบูรณ์ของดินขึ้นกับวัตถุต้นกำเนิดดิน เป็นดินตื้นถึงลึกมาก เนื้อดินเป็นดินร่วน ร่วนปนดินเหนียว ร่วนปนทราย
ถึงดินเหนียว มีการระบายน้ำดี ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำถึงปานกลาง มีการใช้ประโยชน์ที่ดินในการปลูกพืชไร่ และไม้ผลชนิดต่าง ๆ ได้แก่กลุ่มชุดดินที่ 26, 28, 29, 31, 36, 46, 47, 55 และ 56 6. บริเวณเนินเขาและภูเขาสูงชัน (hills
and mountains) มีเนื้อที่
2,726,027 ไร่
หรือร้อยละ 55.64 เป็นบริเวณที่มีสภาพพื้นที่สูงชัน ความลาดชันมากกว่า 35 %
ประกอบด้วยดินหลายชนิดเกิดขึ้นปะปนกันยังไม่มีการสำรวจและจำแนกดิน ลักษณะและคุณสมบัติต่าง ๆ ของดิน
ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์ของดินไม่แน่นอนขึ้นกับหินที่เป็นวัตถุต้นกำเนิดดินบริเวณนั้น
ๆ
เป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการทำการเกษตรใด ๆ เนื่องจากมีความลาดชันมากเกินไป
เสี่ยงต่อการชะล้างพังทลายของดินอย่างรุนแรงควรสงวนไว้เป็นพื้นที่ป่าไม้ธรรมชาติ 7. พื้นที่ดินหินโผล่ (rock land) มีพื้นที่
22,946
ไร่ หรือร้อยละ 0.47 8. พื้นที่แหล่งน้ำ (water land) มีเนื้อที่ 165,941 ไร่ หรือร้อยละ 3.39
ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับการปลูกพืช 1. ดินที่มีศักยภาพเหมาะสมต่อการทำนา มีเนื้อที่ประมาณ 699,950 ไร่
หรือร้อยละ 14.29 พบบริเวณที่ราบและที่ราบน้ำท่วมถึง ส่วนใหญ่เกิดจากการพัฒนาและทับถมของตะกอนที่มากับน้ำ
ทำให้เกิดเป็นที่ราบเป็นบริเวณกว้างตามอำเภอต่าง ๆ และตามหุบเขา
ลักษณะดินเป็นดินเหนียว มีการระบายน้ำเลว
ความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำถึงปานกลาง
ส่วนมากพบทางด้านตะวันออก
และตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด ได้แก่ อำเภอตรอน
อำเภอพิชัย
และตอนใต้ของอำเภอลับแล
นอกนั้นพบกระจัดกระจายอยู่ทุกอำเภอ
2. ดินที่มีศักยภาพเหมาะสมสำหรับพืชไร่ มีเนื้อที่
526,038 ไร่ หรือร้อยละ
10.74
ส่วนมากพบตามที่ราบและสันดินริมแม่น้ำน่านและลำน้ำสาขา และบริเวณที่ลาดเชิงเขา
สภาพพื้นที่ทั่วไปมีความลาดชันเล็กน้อยถึงลูกคลื่นลอนชัน หรือเชิงเขาความลาดชัน 2 – 20 %
ประกอบด้วยดินหลายกลุ่มแตกต่างกันไปตามลักษณะและอิทธิพลของวัตถุต้นกำเนิด เนื้อดินปานกลางถึงละเอียด มีการระบายน้ำดี พื้นที่ส่วนใหญ่กระจายอยู่ตามอำเภอต่าง ๆ ที่พบมากคือ
อำเภอตรอน อำเภอพิชัย และอำเภอเมือง 3. ดินที่มีศักยภาพเหมาะสมสำหรับไม้ผล มีเนื้อที่ 554,858 ไร่ หรือร้อยละ 11.33 ส่วนมากพบตามที่ราบและสันดินริมแม่น้ำน่านและแม่น้ำสาขา บริเวณที่ลาดเชิงเขาและเนินเขา ความลาดชัน 2 - 35 % ลักษณะดินเป็นดินลึก มีการระบายน้ำดี เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วนถึงดินเหนียว ความอุดมสมบูรณ์ต่ำถึงปานกลาง พบกระจัดกระจายอยู่ตามอำเภอต่าง ๆ พบมากที่ อำเภอตรอน อำเภอพิชัย อำเภอลับแล และอำเภอท่าปลา |